คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินโครงการศึกษา สำรวจน้ำบาดาลในพื้นที่หาน้ำยาก จ.กาญจนบุรี

วันที่ลงข่าว : 04 เมษายน 2565 | จำนวนผู้อ่าน : 622 คน | แก้ไขล่าสุดเมื่อ : 04 เมษายน 2565

คณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ลงพื้นที่ อ.บ่อพลอย และ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ติดตามรับฟังปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน พร้อมติดตามความก้าวหน้า 2 โครงการที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อศึกษา สำรวจพื้นที่หาน้ำยากที่เหมาะสมของ จ.กาญจนบุรี สู่การเป็นแหล่งน้ำต้นทุนขนาดใหญ่ที่จะสามารถพัฒนาระบบเป็นแหล่งน้ำสำหรับอุปโภค บริโภค เกษตรกรรม เสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศอย่างยั่งยืนในอนาคต

วันที่ 4 เมษายน 2565 นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มอบหมายให้ ดร.สุรินทร์ วรกิจธำรง รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลดร.เกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการสำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล และนายทนงศักดิ์ ล้อชูสกุล ผู้อำนวยการสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 2 สุพรรณบุรีนำคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ลงพื้นที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกร่าง ต.หนองกร่าง อ.บ่อพลอย รับฟังปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน และรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมติดตามความก้าวหน้าของ “โครงการศึกษา สำรวจ เพื่อประเมินศักยภาพน้ำบาดาลในการพัฒนาเป็นแหล่งน้ำต้นทุนขนาดใหญ่” เพื่อนำข้อมูลพื้นที่ที่มีศักยภาพน้ำบาดาลเหมาะสมและเพียงพอต่อการพัฒนาเป็นแหล่งน้ำต้นทุนเพื่อความมั่นคงขนาดใหญ่ ที่สามารถพัฒนาต่อยอดเป็นระบบส่งน้ำ/กระจายน้ำในการส่งน้ำระยะไกลให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ขาดแคลนน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำหรับการอุปโภคบริโภคการเกษตร หรือเพื่อกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งประชาชนพื้นที่ในกว่า 35,000 ครัวเรือน จะได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว

จากนั้น คณะกรรมการฯ ได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านหนองงูเหลือม ต.หนองนกแก้ว และวัดโสนงาม ต.หนองโสนอ.เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อรับฟังปัญหาการขาดแคลนน้ำของประชาชน รวมทั้งติดตามความก้าวหน้า “โครงการศึกษา สำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาลในพื้นที่หาน้ำยาก เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุนและสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ (ระยะที่ 1)” โดยจะนำข้อมูลศักยภาพน้ำบาดาลทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพในพื้นที่หาน้ำยากที่เหมาะสมและเพียงพอต่อการพัฒนาเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการอุปโภคบริโภค การเกษตร ที่สามารถใช้เป็นฐานข้อมูลสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำเชิงพื้นที่ได้ ซึ่งคาดว่าเมื่อดำเนินการ
แล้วเสร็จ ประชาชนไม่น้อยกว่า 11,550 ครัวเรือน จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้

คลิปข่าว : https://www.youtube.com/watch?v=33ymetqrNUg